น้ำยาล้างคราบน้ำมัน น้ำยาขจัดคราบน้ำมัน ผลิตภัณฑ์ที่ควรมีติดบ้าน

         คนที่ทำงานช่างมักจะรู้กันดีว่าคราบที่สร้างปัญหาให้กับเหล่าคนทำงานมาเป็นอันดับต้น ๆ ก็คือคราบน้ำมันนั่นเอง โดยเฉพาะคราบน้ำมันเครื่อง น้ำมันจักร รวมไปถึงคราบจารบีที่แต่ติดมือนิดหน่อยก็ล้างแทบไม่ออกแล้ว ดังนั้นจึงต้องผลิตภัณฑ์ที่ทำขึ้นมาเพื่อล้างคราบเหล่านี้โดยเฉพาะ ซึ่งจะให้อย่างไร และมีวิธีขจัดคราบน้ำมันแบบไหน การใช้น้ำยาขจัดคราบน้ำมัน และ น้ำยาล้างคราบน้ำมัน ได้ผลรึป่าว ไปดูกันได้เลย

ปัญหาคราบน้ำมัน

         อย่างที่ได้กล่าวไปในข้างต้นว่าปัญหาคราบน้ำมันนั้นเป็นปัญหาที่สร้างความปวดหัวให้กับคนทำงานช่างเป็นอย่างมาก ด้วยความลื่นขั้นสุด แถมสีและกลิ่นที่ไม่พึงประสงค์ก็ยังเป็นปัญหาที่สำคัญมากอีกด้วย นอกจากคนทำงานช่างแล้ว คนที่ทำงานครัวก็ต้องเผชิญหน้ากับปัญหาเหล่านี้ไม่แพ้กัน โดยเฉพาะในห้องครัวที่ต้องเน้นความสะอาดมาเป็นอันดับแรก แต่การมีคราบน้ำมันเกาะอยู่ทั่วห้องก็ทำให้ไม่สะอาดอย่างที่คิด และเนื่องจากคราบน้ำมันจะมีคุณสมบัติเด่นอยู่ที่ความลื่น ส่วนน้ำมันเครื่องจักร เครื่องยนต์ต่าง ๆ ก็จะเพิ่มความเหนียวหนืดและสีดำ ๆ ที่มองยังไงก็ไม่รู้สึกว่าสะอาด ถ้าเพียงแค่ใช้น้ำเปล่าธรรมดา ๆ ในการเช็ดก็ออกได้ไม่หมด หรือบางครั้งก็ไม่ออกเลย จึงจำเป็นต้องมีเทคนิคและวิธีการต่าง ๆ เพื่อใช้ทะความสะอาดคราบน้ำมันโดยเฉพาะ

วิธีล้างและทำความสะอาดคราบน้ำมัน

         ถ้าเป็นคราบน้ำมันที่เกิดจากการทำอาหาร เช่น น้ำมันพืช การทำความสะอาดก็ไม่ยากอย่างที่คิด อุปกรณ์หรือสิ่งของที่ต้องใช้ก็สามารถหาได้ง่าย ๆ ภายในบ้าน จะมีวิธีไหนบ้าง วันนี้เรามีมาแนะนำ

         1. การขจัดคราบมันด้วยเกลือ วิธีนี้กลายเป็นวิธีพื้นฐานที่ทำได้ง่ายมาก ๆ เพราะเกลือก็มักจะเป็นสิ่งที่ทุกบ้านต้องมีติดบ้านไว้อยู่แล้ว วิธีการก็ง่ายแสนง่าย เพียงแค่โรยเกลือลงบนพื้นผิวที่มีคราบมัน รอสักครู่ให้เกลือได้ซึมซับความมันออกไป แล้วจึงค่อย ๆ ขัดเอาคราบมันออก แค่นี้ก็สามารถทำความสะอาดได้แล้ว หรืออาจจะใช้เกลือบร่วมกับน้ำยาล้างจานหรือผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดอื่น ๆ ก็จะทำให้การขจัดคราบมีประสิทธิภาพมากขึ้นอีกด้วย

         2. การใช้น้ำส้มสายชู เนื่องจากตัวน้ำส้มสายชูนั้นมีฤทธิ์เป็นกรดอ่อน ๆ จึงมีฤทธิ์ในการขจัดคราบที่หนักหน่วงหรือขจัดคราบน้ำมันที่ล้างไม่ออกได้ วิธีการใช้ก็เพียงแค่เทน้ำส้มสายชูลงในน้ำเดือด จะมาหรือน้อยก็ขึ้นอยู่กับปริมาณและความหนักของคราบที่คุณจะกำจัดได้เลย จากนั้นก็นำผ้ามาชุบน้ำเช็ดไปตามคราบน้ำมัน หรือคราบสกปกที่เราจะจัดการได้เลย แต่ถ้าบริเวณที่ต้องการทำความสะอาดนั้นค่อนข้างกว้าง ก็ให้เทน้ำส้มสายชูที่เราผสมทิ้งไว้บนพื้นผิวนั้นสักพัก ให้กรดในน้ำส้มสายชูได้ออกฤทธิ์ก่อน แล้วจึงค่อยเอาผ้ามาเช็ดหรือเอาแปรงมาชัดให้สะอาด

         3. เบกิ้งโซดาก็เป็นอีก 1 อย่างที่สามารถใช้ทำความสะอาดคราบมันได้เช่นกัน นอกจากจะมีประโยชน์ในการทำขนมแล้วก็ยังสามารถนำมาใช้ล้างสิ่งของต่าง ๆ ให้สะอาดได้อีกด้วย โดยเฉพาะการใช้ขจัดคราบน้ำมันต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นในครัวและล้างออกยาก วิธีการทำก็คือนำเอาเบกิ้งโซดามาผสมกับน้ำที่ต้มจนเดือด แล้วจึงเอาฟองน้ำมาชุบเพื่อไปเช็ดตรงที่มีคราบน้ำมันหรือคราบสกปรกติดอยู่ ส่วนสิ่งของ อุปกรณ์หรือเครื่องมืออื่น ๆ ที่มีคราบมันเกาะอยู่ค่อนข้างเยอะ ให้นำไปแช่ในน้ำที่ผสมเบกิ้งโซดาเอาไว้ประมาณ 30 นาที แล้วค่อยล้างออก ก็จะสามารถทำความสะอาดได้อย่างง่ายดาย

         4. น้ำต้มเดือด เป็นสิ่งที่หาได้ง่ายที่สุดแล้ว เพราะความร้อนจากน้ำจะเป็นตัวช่วยที่ทำให้คราบมันนั้นหลุดร่อนได้เป็นอย่างดี แถมยังสามารถฆ่าเชื้อโรคที่ทนความร้อนไม่ได้อีกด้วย วิธีใช้ก็แค่เอาผ้ามาชุบกับน้ำร้อน บิดให้พอหมาด จากนั้นก็นำไปเช็ดในจุดต่าง ๆ ที่เราต้องการทำความสะอาด ก็จะทำให้คราบน้ำมันและสิ่งสกปรกหลุดออกไปแล้ว ถึงแม้ว่าวิธีนี้จะง่ายมาก ๆ แต่ก็ต้องระวังความร้อนจากน้ำด้วย ควรใส่ถุงมือเพื่อป้องกันความร้อน หรือใช้อุปกรณ์อย่างไม้ถูกพื้นมาเป็นตัวช่วยก็ได้

การใช้น้ำยาล้างคราบน้ำมัน หรือ น้ำยาขจัดคราบน้ำมัน

         ถ้าหากว่าคราบมันที่คุณต้องต้องเจอนั้นไม่สามารถกำจัดได้ด้วยวิธีทั่วไป อาจจะเป็นคราบมันแบบหนักหน่วงอย่างเช่น น้ำมันรถ น้ำมันเครื่องจักร หรือคราบจารบีที่มีความเหนียวและล้างออกยาก สิ่งที่จะเป็นตัวช่วยที่ดีที่สุดก็คือน้ำยาล้างคราบน้ำมัน หรือน้ำยาขจัดคราบน้ำมันนั่นเอง ซึ่งก็มีหลายรุ่น หลายแบบ หลายยี่ห้อให้เลือกใช้ตามความเหมาะสม อย่างเช่น น้ำยาล้างคราบน้ำมัน Super Lube – Super Kleen 10004

เป็นผลิตภัณฑ์ที่ใช้สำหรับทำความสะอาดครบน้ำมันโดยเฉพาะ นอกจากนี้ยังสามารถใช้ทำความสะอาดสิ่งสกปรกอื่น ๆ ได้ด้วย ทั้งคราบหมึกหรือคราบจารบีก็เอาอยู่เช่นกัน ผู้ใช้สามารถมั่นในในคุณภาพได้อย่างเต็มที่ เพราะมีการผลิตจากประเทศสหรัฐอเมริกา รับการรองรับจากมาตรฐานสากล USDA/NSF น้ำยาล้างคราบไขมันชนิดนี้จะมีจุดเด่นอยู่ที่มีความสามารถในการทนต่อน้ำทะเล ไม่มีกลิ่นเหม็น เมื่อนำมาทำความสะอาดบนพื้นผิวต่าง ๆ ก็สามารถใช้ได้อย่างสบายใจเพราะไม่ทำลายหรือกัดกร่อนพื้นผิวอย่างแน่นอน ที่สำคัญคือสะอาด เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เพราะสามารถย่อยสลายได้ เรียกได้ว่านอกจากจะมีคุณภาพดีแล้วยังใส่ใจต่อโลกของเราอีกด้วย